รายละเอียด
ท่อลม (อากาศอัด) ท่อน้ำ
ท่อ PAP MF สีขาว
ความดันใช้งานสูงสุด 10-16 บาร์ (150-230 PSI)
อุณหภูมิใช้งานสูงสุด 60 °C
ขนาด 1620 (20 มม.)
เทียบเท่าท่อ 1/2″ (4 หุน)
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายใน (ID) 16 มม.
เส้นผ่านศูนย์กลางภายนอก (OD) 20 มม.
เทียบกับท่อทั่วไปคือ ขนาด 1/2″ (4 หุน)
ขนาดตามในมาตรฐาน ASTM F1282 คือ 5/8″ (5 หุน)
ท่อ PAP สีขาว ของ MF Pipe ใช้สำหรับเดินท่อลม ท่อน้ำ สารเคมี ไนโตรเจน ออกซิเจน อาร์กอน เป็นต้น แรงดันใช้งานสูงสุด 10 บาร์ (ยกเว้นท่อลม)
ข้อมูลสำหรับการเดินท่อลม เพิ่มเติมดังนี้
ท่อลม PAP ยี่ห้อ MF Pipe ใช้สำหรับลมอัดที่ แรงดันสูงสุด 16 บาร์ (230 PSI) ใช้ได้ทั้งการเดินท่อลมในอาคาร (Indoor) และนอกอาคาร (Outdoor) ทั้งเดินลอย และเดินฝัง
ท่อลม PAP ผิวในเป็นพลาสติกเรียบเงา ลื่น ทำให้ลมวิ่งในท่อ แรงเสียดทานต่ำ แรงดันตกน้อยมาก (ไม่เหมือนท่อเหล็กที่ผิวในหยาบ แรงดันตกจะมากกว่า) ไม่เป็นสนิม อายุใช้งานจึงยาวนานกว่าท่อเหล็กกัลวาไนซ์ ลมที่ได้จะสะอาด เหมาะมากสำหรับการเดินท่อลมที่เป็นห้องปลอดเชื้อ (Clean Room)
ท่อลม PAP ขนาด 1620 (20 มม.) เป็นขนาดที่นิยมมากที่สุด ในการเดินท่อลม (Compressed Air) ต่อกับปั๊มลม ตามโรงงาน คาร์แคร์ อู่ซ่อมรถ ปั๊มน้ำมัน ที่มีจุดใช้ลมตั้งแต่ 2-10 จุด (ขึ้นกับประเภท หรือปริมาณลม ของอุปกรณ์ลมแต่ละตัว และโอกาสที่จะใช้พร้อมกัน) โดยสามารถใช้ท่อขนาด 1620 ในการเดินท่อลม ทั้งท่อเมนหลัก และท่อย่อย
การใช้ท่อขนาดเดียวกัน เดินท่อลมทั้งหมด ทำให้การออกแบบระบบท่อลม การคำนวณจำนวนท่อและข้อต่อ และการติดตั้ง ทำได้ง่ายและรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ก็สามารถออกแบบให้ท่อเมนเป็นขนาด 1620 (16 มม.) แล้วใช้ท่อย่อยเป็นขนาด 1620 (20 มม.) ก็ได้ โดยใช้ข้อต่อ สามทางลด T1620x1216x1620 (20*16*20mm)
ท่อลม PAP มาเป็นม้วน ดัดโค้งได้ ไม่ต้องใช้ข้องอ สามารถเดินท่อแบบไร้รอยต่อได้ ตัวอย่างกรณีปั๊มน้ำมัน สามารถเดินท่อเส้นเดียว จากปั๊มลม ไปยังจุดเติมลมรถ โดยการฝังดิน ฝังปูน หรือลัดเลาะไปตามคูน้ำ ไม่ต้องมีข้อต่อระหว่างทาง เป็นต้น
ตัวอย่างการเดินท่อลม จากปั๊มลม
ตัวอย่างการเดินท่อเมนขนาด 1620 และท่อย่อยขนาด 1216
ตัวอย่างการเดิน ท่อลมในโรงงาน
ตัวอย่างการเดินท่อลม
ตัวอย่างการติดตั้ง คอปเปอร์ เข้ากับ ข้องอเกลียวใน สำหรับท่อลม PAP
ข้อต่อ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มักจะใช้สำหรับเดิน ท่อลม มีดังนี้
ต่อตรงเกลียวนอก ใช้ต่อท่อลม PAP ออกจากปั๊มลม มีให้เลือก 2 แบบ คือ เกลียวนอก 4 หุน (S1620x1/2″M) หรือ เกลียวนอก 6 หุน (S1620x3/4″M) โดยใช้เกลียวนอก (ใช้เทปพันเกลียวพันตรงเกลียวนอกก่อน) ขันเข้าไปที่วาล์ว หรือทางออก ของปั๊มลมก่อน แล้วจึงใช้ท่อต่อกับข้อต่อ (ฝั่งที่ต่อกับท่อ ไม่ต้องพันเทปพันเกลียว) เดินท่อเมนออกจากปั๊มลม ดัดโค้งเลี้ยวขึ้นบน หรือออกด้านข้างได้เลย
กรณีปั๊มลมแบบลูกสูบ มักจะมีล้อเคลื่อนที่ได้ แนะนำให้ใช้ต่อตรงเกลียวนอกแบบทองเหลือง เพื่อความแข็งแรง
สามทาง (T1620x1620x1620) ใช้สำหรับเดินท่อย่อย หรือท่อแขนง ออกจากท่อเมนหลัก โดยใช้ท่อลม PAP ขนาด 1620 (20 มม.) ทั้งหมด (ทั้งท่อเมน และท่อย่อย)
สามทางลด (T1620x1216x1620)ใช้สำหรับใช้สำหรับเดินท่อย่อย ขนาด 1216 (16 มม.) ออกจากท่อเมนหลัก ที่มีขนาด 1620 (20 มม.)
บอลวาล์วทองเหลือง (BV-1620×1620) สำหรับต่อท่อ PAP ขนาด 1620 ทั้งสองด้าน มักจะติดตั้งตามจุดที่ใช้ลม เพื่อควบคุมเปิด-ปิดลม
นอกจากจะมีบอลวาล์ว ที่ใช้ต่อกับท่อทั้งสองด้านแล้ว ก็จะมีวาล์ว PAP เกลียวนอก (BV-1620×1/2″M) และวาล์ว PAP เกลียวใน (BV-1620×1/2″F) ที่ด้านหนึ่งใช้ต่อกับท่อลม PAP ส่วนอีกด้านเป็นเกลียวนอก 1/2″ และเกลียวใน 1/2″ ตามลำดับ เพื่อใช้สำหรับติดตั้งอุปกรณ์ลม เช่น คอปเปอร์ ชุดกรองลมดักน้ำ เป็นต้น
ข้องอเกลียวใน (L1620x1/2″F) ใช้สำหรับเดินท่อลม ที่จุดใช้งาน เพื่อติดตั้ง คอปเปอร์ อุปกรณ์กรองน้ำกรองลม หรืออุปกรณ์ลมอื่น ๆ โดยที่ ปลายคอปเปอร์ หรืออุปกรณ์ลมนั้น ๆ จะตั้งฉากกับแนวท่อ (หันเข้าหาตัวเรา กรณีเดินท่อลม แนบกับผนังห้อง) ข้อดีคือ การเสียบสายลมจะสะดวกและง่าย
รูปตัวอย่าง คอปเปอร์ แบบเกลียวนอก 4 หุน สามารถขันเข้าไปที่เกลียวในของข้อต่อได้พอดี
อีกวิธีหนึ่ง ในการติดตั้งข้อต่อ ณ จุดใช้งาน คือ ใช้ต่อตรงเกลียวใน (S1620x1/2″F) กรณีนี้ ปลายคอปเปอร์ หรืออุปกรณ์ลมอื่น ๆ จะอยู่ในทิศทางขนานกับท่อ (ชี้ลงล่าง กรณีเดินท่อแนบผนังห้อง มาจากด้านบน) ข้อดีของแบบนี้คือ คอปเปอร์ สายลม หรืออุปกรณ์ลม ที่มาติดเข้ากับจุดนี้ จะไม่เกะกะ
ข้อควรระวัง หลีกเลี่ยงการใช้คีมล็อค หรือประแจที่มีแรงบีบสูง ๆ จับที่ฝั่งเกลียวในของข้อต่อ เพราะแรงบีบ อาจจะทำให้เกลียวอลูมิเนียมที่อยู่ข้างในแตกร้าวได้ แนะนำให้ใช้ประแจคอม้าหรือคีมคอม้า จับฝั่งเกลียวในไว้ ตอนติดตั้งข้อต่อ หรือกรณีที่มือเปล่าแข็งแรงเพียงพอ ก็อาจจะแค่สวมถุงมือกันลื่น จับฝั่งเกลียวไว้ ตอนขันอัดติดตั้งข้อต่อ ก็ได้แล้ว
หรือแทนที่จะใช้ต่อตรงเกลียวใน ก็ใช้เป็นบอลวาล์ว PAP เกลียวใน และติดหัวคอปเปอร์เข้าไปโดยตรง ตามตัวอย่างข้างบนนี้เลยก็ได้
สามทางเกลียวใน (T1620x1/2″Fx1620) ใช้เพิ่มจุดติดตั้งคอปเปอร์ (หรืออุปกรณ์ลมอื่น ๆ) ณ จุดใช้งาน แบบนี้ จะสะดวกและง่ายต่อการติดตั้งมากกว่า การใช้ข้อต่อคอปเปอร์ ที่มีทางเข้า 1 จุด ทางออกหลายจุด (เช่น สองทางตรง สามทางตรง สองทางกลม สามทางกลม เป็นต้น)
ข้องอ (L1620x1620) ปกติไม่จำเป็นต้องใช้ เนื่องจากท่อ PAP ดัดโค้งได้ ถือเป็นจุดเด่นที่สำคัญของท่อชนิดนี้ ทำให้การเดินท่อลม ทำได้เร็ว ประหยัดค่าข้อต่อ ค่าแรงติดตั้ง และที่สำคัญที่สุดคือ แรงดันลมไม่ตก (ข้องอ เป็นต้นเหตุสำคัญ ที่ทำให้เกิดแรงดันตกในเส้นท่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมีการใช้ข้องอบนเส้นท่อเมนเป็นจำนวนมาก แรงดันก็จะยิ่งตกมาก)
การที่ท่อลม PAP ดัดโค้งได้ จึงไม่จำเป็นต้องมีซัพพอร์ตยื่นออกมารับท่อ เหมือนอย่างกรณีท่อเหล็ก (เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้การเดินท่อลมด้วยท่อ PAP ใช้งบประมาณที่ต่ำกว่าท่อเหล็กกัลวาไนซ์) สามารถใช้แคล้มป์ยึดท่อ แนบไปกับผนัง หรือคานเหล็กได้โดยตรง ดัดท่อเลี้ยวหลบเสา คาน หรือสิ่งสิ่งกีดขวางได้
อย่างไรก็ตาม อาจจะมีบางจุดที่จำเป็นต้องใช้ข้องอ ยกตัวอย่างเช่น กรณีเดินท่อ ทะลุผนังปูน อาจต้องมีฝั่งใดฝั่งหนึ่ง จำเป็นต้องใส่ข้องอ เป็นต้น
การดัดโค้งงอท่อ กรณีรัศมีความโค้งแบบกว้าง ๆ สามารถทำได้ด้วยมือเปล่า โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือใด ๆ เลย แต่ต้องดัดด้วยแรงที่สม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการออกแรงดัดจุดใดจุดหนึ่ง มิฉะนั้น ท่ออาจจะบี้ หรือพับได้
แต่ถ้าต้องการดัดโค้งมาก ๆ (รัศมีความโค้งแคบ ๆ) ควรใช้สปริงดัดท่อช่วย โดยที่ สปริงดัดท่อ มีอยู่ 2 แบบ
1. แบบสอดในท่อ โดยการสอดสปริงเข้าไปในท่อ ไปยังจุดที่ต้องการดัดโค้ง แล้วจึงทำการดัดโค้งท่อบริเวณนั้น สปริงที่อยู่ในท่อ จะช่วยกระจายแรงดัดให้สม่ำเสมอ ทำให้ท่อยังคงรูป หน้าตัดเป็นวงกลมสวยงาม ไม่บี้หรือพับไปตามแรงดัด เมื่อดัดท่อเสร็จ ก็ให้นำสปริงออกจากท่อ
สปริงดัดท่อแบบสอดในท่อนี้ เหมาะสำหรับดัดโค้งท่อที่บริเณใกล้ ๆ ปลายท่อ หรือถัดเข้าไปจากปลายท่อไม่ไกลมากนัก (มันจะไม่เหมือนท่อร้อยสายไฟพีวีซี ที่ใส่สปริงเข้าไปแล้วจะไหลในท่อ) เนื่องจากท่อ PAP มาเป็นม้วน ใส่สปริงเข้าไปแล้ว มันจะไม่ไหล ต้องใช้มือหรือหาอะไรดันเข้าไป
กรณีต้องการดัดโค้งท่อ ช่วงกลาง ๆ (ที่ไม่ใช่ปลายท่อ) สปริงสอดในแบบนี้ จะไม่สะดวก หรือทำไม่ได้เลย จึงจำเป็นต้องใช้สปริงแบบสวมนอกท่อแทน
2. สปริงแบบสวมนอก สามารถใช้ดัดท่อลม PAP ได้ทุกช่วงของท่อ รวมถึงปลายท่อ โดยการสวมสปริงเข้ากับท่อ แล้วรูดสปริงไปตามแนวท่อ จะดัดท่อตรงบริเวณไหน ก็หยุดแล้วดัด ดัดเสร็จก็รูดสปริงต่อ ไปยังจุดใหม่ที่ต้องการดัด จนสุดปลายท่อ ก็ให้นำสปริงออกจากท่อ สปริงดัดท่อ จะช่วยกระจายแรงดัดให้สม่ำเสมอ ป้องกันไม่ให้ท่อพับ หรือบี้ จากการออกแรงดัดจุดใดจุดหนึ่งมากเกินไป
สปริงดัดท่อแบบสวมนอกท่อ ใช้แทนแบบสอดในท่อได้ (แต่แบบสอดในท่อ ใช้แทนแบบสวมนอกท่อไม่ได้) จึงมีประโยชน์มาก ในการเดินท่อลมด้วยท่อ PAP สปริงแบบสวมนอกท่อนี้ จึงเป็นเครื่องมือที่สำคัญมาก รองลงมาจากอุปกรณ์บานและลบมุมท่อเลยทีเดียว
อุปกรณ์บานท่อ เป็นอุปกรณ์จำเป็นสำหรับติดตั้งข้อต่อ กรณีที่มีแต่ข้อต่อ PAP ชนิดพลาสติก ก็สามารถใช้อุปกรณ์บานท่อแบบธรรมดา แบบนี้ได้
แต่ในกรณีที่มีข้อต่อ PAP ชนิดทองเหลือง หรือวาล์ว PAP ทองเหลืองด้วย ต้องใช้อุปกรณ์บานท่อและลบมุม เพื่อทำการลบคมปากท่อก่อน ป้องกันปากท่อขูดแหวนซีลซิลิโคนจนปลิ้นหรือฉีกขาด ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการรั่วซึมได้
กรรไกรตัดท่อ ใช้สำหรับตัด ท่อลม PAP เพื่อให้รอยตัดตั้งฉาก และเรียบ มั่นใจได้ว่า เมื่อติดตั้งเสร็จ ลมไม่รั่วซึม
ข้อควรระวัง ไม่ควรใช้เลื่อย หรืออุปกรณ์ใด ๆ ที่ตัดท่อแล้วเป็นขุย ปลายท่อไม่เรียบ และไม่ได้ฉาก
ประแจขันข้อต่อ ใช้สำหรับขันข้อต่อ PAP ชนิดพลาสติก ประแจแบบนี้ ถูกออกแบบมาใช้สำหรับขันข้อต่อ PAP ของ MF Pipe โดยเฉพาะ ขณะออกแรงขัน จะกระจายแรงกดบนฝาเกลียวของข้อต่อ เป็น 6 จุด ทำให้งานติดตั้งมีคุณภาพ สามารถออกแรงขันได้อย่างเต็มที่ โดยที่ฝาเกลียวไม่แตก
หากใช้ประแจชนิดอื่น เช่น ประแจปากตาย ประแจเลื่อน ประแจคอม้า ถ้าปรับตั้งระยะห่างของปากประแจไม่พอดี (หลวมเกินไป) จะเกิดแรงจิกของปากประแจ บนฝาเกลียวของข้อต่อ ทำให้ฝาเกลียว อาจเข้าไม่สุด หรือถ้าเกิดแรงจิกเป็นจุด (Point Load) อาจทำให้ฝาเกลียวแตกได้
แคล้มป์รัดท่อโลหะ ทำจากอลูมิเนียมอบขาว อย่างหนา แข็งแรง และไม่เป็นสนิม เหมาะสำหรับงานเดินท่อลมอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ การยึดท่อบริเวณใกล้ ๆ วาล์ว จุดใช้งานลม (เพื่อท่อจะได้ไม่โยกไปมา ขณะเปิด-ปิดวาล์ว หรือถอด-ใส่สายลม) ยึดท่อในแนวดิ่ง หรือการเดินท่อลมด้านนอกอาคาร (Outdoor) เป็นต้น
แคล้มปก้ามปูพลาสติก ใช้ยึดท่อ ช่วงกลาง ๆ ท่อ เพื่อลดต้นทุนค่าแคล้มป์ แต่ไม่เหมาะสำหรับ การเดินท่อนอกอาคาร เพราะหากโดนแดดนาน ๆ แคล้มป์ก้ามปู พลาสติกแบบนี้ อาจกรอบแตกได้